ธปท.เปิดให้บริการระบบหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์
ธปท.เปิดให้บริการระบบหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (e-LG on Blockchain) ของธนาคาร 18 แห่ง ช่วยความโปร่งใสและการป้องกันการลักลอบแก้ไขข้อมูล ลดระยะเวลาการขอ LG จาก 3-7 วัน เหลือเพียงไม่เกิน 1 ชั่วโมง
น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงาน Bangkok Digital Finance Conference 2022 ว่า โครงการระบบหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ (e-LG on Blockchain) ของธนาคาร 18 แห่ง ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท บีซีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (BCI) ได้ผ่านการทดสอบภายใต้ Regulatory Sandbox ธปท. แล้วและพร้อมให้บริการในวงกว้าง
โครงการ e-LG on Blockchain เกิดจากความร่วมมือของธนาคารพาณิชย์ไทยผ่านการจัดตั้ง BCI เพื่อแก้ไขข้อจำกัดของการให้บริการหนังสือค้ำประกัน (Letter of Guarantee หรือ LG) ที่เดิมออกในรูปแบบกระดาษ ซึ่งใช้เวลานานและมีโอกาสเกิดทุจริตได้ง่าย โดย BCI ได้นำเทคโนโลยี Blockchain ที่มีจุดเด่นในด้านความโปร่งใสและการป้องกันการลักลอบแก้ไขข้อมูลมาประยุกต์ให้สามารถทำธุรกรรมเว็บหวยออนไลน์ ถูกกฎหมายผ่านช่องทางออนไลน์ของธนาคารที่เป็นสมาชิกของ BCI ซึ่งช่วยลดระยะเวลาการขอ LG จาก 3-7 วัน เหลือเพียงไม่เกิน 1 ชั่วโมง รวมทั้งลูกค้าที่เป็นองค์กรสามารถบริหารจัดการ LG ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โครงการนี้มีผู้ใช้บริการมากขึ้น โดยปัจจุบันมีหนังสือค้ำประกันในระบบ e-LG กว่า 1 แสนรายการ มูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท ส่วนสมาชิกของ BCI มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ 19 แห่ง หน่วยงานภาครัฐ 3 แห่ง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ 4 แห่ง และองค์กรภาคเอกชนกว่า 170 ราย โดย Platform ของ BCI มีศักยภาพที่จะรองรับ use cases อื่นๆ ที่หลากหลายในอนาคต และสามารถพัฒนาเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานของภาคการเงินต่อไปได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจและประเทศไทย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการประยุกต์ใช้ Blockchain สำหรับโครงการดังกล่าว ธนาคารที่เข้าร่วมทดสอบและ BCI ต้องผ่านการประเมินภายใต้ Regulatory Sandbox ของ ธปท.อย่างเข้มข้นก่อน ทั้งเรื่องการกำกับดูแลโครงการ เสถียรภาพของเทคโนโลยี รวมถึงความปลอดภัยด้าน IT จนมั่นใจได้ว่าพร้อมให้บริการในวงกว้างได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ธปท. ได้นำองค์ความรู้ที่ได้รับจากการทดสอบโครงการดังกล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแนวปฏิบัติเรื่องการใช้เทคโนโลยี Blockchain สำหรับการให้บริการทางการเงิน เพื่อให้ผู้ให้บริการที่ประสงค์นำ Blockchain มาใช้ให้บริการทางการเงินในอนาคตสามารถนำไปใช้อ้างอิงต่อไปได้